ก็เพิ่งกลับจากปีใหม่ม้งตาก (ถึงเช้านี้) หลังจากหลับเอาแรงตั้งแต่ตีห้า ตื่นขึ้นมาก็รีบล้างหน้าล้างตา จิบกาแฟ แล้วเข้ามาทักทายพวกเราในนี้ ด้วยว่าตอนอยู่ที่โน่นไม่มีเวลาออนไลน์เลยจริงๆ ก่อนไปก็วางแผนซะดิบดี ว่าจะอัพเดทเว็บม้งเอเชียจากทางไกล เพื่อให้พวกเราได้เห็นอะไรไปพร้อมๆ กัน ก็อุตส่าห์แบกเจ้าโน็ตบุ๊คส์ตัวโปรดไปด้วย แต่จนแล้วจนรอดก็หาเวลาออนไลน์ไม่ได้ เอาเป็นว่าค่อยอัพเดทรูปให้ดูกันอีกทีละกัน ..คงเป็นพรุ่งนี้เช้า
ไปปีใหม่ม้งตากรอบนี้ก็เพิ่งค้นพบว่า โหด มัน ฮา ในแบบฉบับของม้งนั้นเป็นอย่างไร
เริ่มต้น เพราะความห่างไกล บ้านเพื่อนที่ไปพักด้วยนั้นคือบ้าน 44 ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอแม่สอด 44 กม. (ชื่อหมู่บ้านบ่งบอกถึงความห่างไกล) ด้วยระยะทางขนาดนี้จึงต้องรบกวนคนที่บ้านให้มารับที่สถานีขนส่งแม่สอด นั่นคือพี่ชายเพื่อนคนนี้ รถยนต์กระบะตอนเดียวกับผู้โดยสารที่มาด้วยกัน 7 ท่านพร้อมด้วยสัมภาระส่วนตัวอีกคนละชิ้นสองชิ้น แล้วยังมีขนมและผลไม้สำหรับเด็กๆ แถวบ้านอีก (เตรียมจัดวันเด็กให้เด็กแถวบ้าน)
บนกระบะรถที่วิ่งด้วยความเร็ว 130 กม./ชม. ฝ่าสภาพอากาศยามเช้าที่แสนจะหนาวเหน็บ โดยเฉพาะ EdiTor ที่สวมเสื้อไหมพรมด้วยแล้ว บอกได้คำเดียวว่าหนาวหมดใจ
ในขณะเดียวกัน ภายใต้วิกฤติอากาศหนาวบนกระบะรถ น้องๆ บางคนก็ถือโอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการหันซ้ายหันขวาให้ลมตีผมให้เข้าทรง เพราะหลายคนบนรถเค้าไว้ทรงเกาหลีกัน ..ตามสโลแกน ทรงผมมีไว้ให้พุ่งชน
อันที่จริงแล้วตั้งแต่สมัยเด็กๆ เวลาไปไร่ไปสวน ก็นั่งรถสภาพนี้กันทั้งนั้นแหละ ยืนโต้ลมบ้าง นอนดูดาวบ้าง ก็แล้วแต่สภาพอากาศและความเร็วลม ..ที่เกริ่นมาเพราะมันสะกิดต่อมคนแก่ (ให้คิดถึงวัยเด็ก)
ลักษณะการใช้รถใช้ถนนของม้งที่นี่ก็เหมือนๆ กับม้งในอีกหลายๆ พื้นที่ คือ ใช้รถกระบะตอนเดียวเพื่อไปไร่ไปสวน ผู้โดยสารก็จะนั่งกันอยู่หลังกระบะ สำหรับความนิยมในยี่ห้อรถยนต์นั้นในแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกันไป สิ่งหนึ่งที่เห็นแปลกตาหน่อยก็คือ ที่นี่ผู้หญิงขับรถเป็นกันค่อนข้างเยอะ ส่วนเด็กๆ นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเด็กม้งมีพัฒนาการด้านการขับขี่ดีกว่าเด็กทั่วไปอยู่แล้ว เท้ายังยันไม่ถึงพื้นก็บึ่งมอไซค์เสียแล้ว เท้าถึงคันเร่งมือสับเกียร์ได้ แค่นี้ยานพาหนะคันใหญ่ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเด็กม้ง ..ใบขับขี่น่ะเหรอ มันเป็นยังไง ?
งานปีใหม่ที่นี่แม้จะเป็นการจัดรวม แต่ผู้คนก็สามารถเดินทางมาร่วมงานกันอย่างล้นหลาม ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า ม้งที่นี่มีรถยนต์ใช้กันค่อนข้างเยอะ การมีรถยนต์ของคนที่นี่ไม่ได้มีไว้เพื่อการโอ้อวด หรือการแข่งขันด้านฐานะ หากแต่มีไว้เพื่อการเกษตรเป็นหลัก ..เพราะส่วนใหญ่เป็นรถยนต์กระบะตอนเดียว
รถยนต์ที่มาในงาน บางคันก็นั่งกันมาแบบครอบครัวเล็ก เบาๆ สบายรถ บางคันก็อัดแน่นมาด้วยครอบครัวใหญ่อบอุ่น เฮฮา โดยเฉพาะเวลาตะลุยฝุ่นบนถนนลูกรังด้วยแล้ว ลัลล้ากันน่าดู
ฝุ่นก็คือฝุ่น แต่ฝุ่นที่นี่ซักออกยาก กิตติศัพท์อย่างหนึ่งของชุมชนม้งที่นี่คือ ที่นี่เป็นพื้นที่สีแดง ฝุ่นที่ติดมากับเสื้อผ้าพลอยทำให้เสื้อผ้าเปื้อนเป็นคราบสีแดงไปด้วย และซักออกค่อนข้างยาก ใครจะมาที่นี่ก็ควรงดใส่เสื้อขาว ..ส่วนเสื้อแดงเสื้อเหลือง ที่นี่พอๆ กัน เสี่ยงกันเอาเอง (ฮา)
ฝุ่นคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย เวลายืนอยู่ในสนามนานๆ จะทำให้รู้สึกปวดเมื่อยที่ขา เมื่อเห็นเก้าอี้อยู่ไกลๆ และไม่มีคนนั่ง ไอ้เราก็ดีใจพร้อมกับด่าคนทั้งสนามอยู่ในใจ “ไม่เกรงใจแล้วนะ ก็พวกคุณดันมองไม่เห็นเอง” พลันก็รีบสาวเท้ายาวขึ้นไวขึ้น เพราะในใจยังหวั่นว่าจะมีใครชิงตัดหน้าเสียก่อน แต่พอเดินไปถึงเก้าอี้ตัวนั้น ก็อดเสียดายไม่ได้กับแรงที่ทุ่มไปกับการสับขา เพราะเก้าอี้ตัวนั้นฝุ่นเขรอะเกินกว่าที่กระดาษทิษชู่อันน้อยนิดจะปัดกวาดได้
พอรุ่งเช้าอีกวันมีโอกาสเดินสำรวจหมู่บ้าน จึงได้พบกับความจริงข้อหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของการนั่ง ข้อสังเกตุก็คือ ม้านั่งหรือชุดม้าหินอ่อนที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ และอยู่ห่างจากตัวบ้านหน่อยนึง จะกลายเป็นม้านั่งที่รกร้างไปในไม่ช้า เพราะหน้าแล้งที่นี่ฝุ่นจะเยอะมาก ..ปัญหาของฝุ่นที่นี่ก็คือ แค่เป่าๆ มันจะไม่ไป
ก็จบกันไปสำหรับทริปฮาๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ฝุ่นสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า